วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

ตำลึง

 ..... ตำลึง... ตำลึงเป็ยผักที่คนไทยรู้จักและนิยมรับประทานยอดของมันมาเป็นเวลานานแล้ว เนื่องจากเป็นผักที่มีรสหวาน อร่อย และมีกลิ่นหอม สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่างเช่น แกงจืดใส่หมูสับ ลวกจิ้มน้ำพริก หรือกระทั้งผัดไฟแดงก็อร่อยสูสีกับผักบุ้งไฟแดงเทียว ใครจะรู้ว่าตำลึงที่เห็นกันอยู่ดาดดื่นนี้ จะอุดมไปด้วย เบต้า-แคโรทีน ซึ่งสารตัวนี้เมื่อรับประทานเข้าไปร่างกายจะเปลี่ยนเป็น วิตามินเอ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อตาป้องการเกิดมะเร็งรวมทั้งยังรักษาโรคหัวใจด้วย ..... ตำลึงเป็นไม้เลื้อย ดังนั้นจึงสามารถปลูกรอบ ๆ รั้วบ้านของเรานั่นเอง หรือทำเป็นซุ้ม เป็นนั่งร้านให้ตำลึงเลื้อยพันก็ไม่เลว ลักษณะของใบจะสวย นอกจากใช้เป็นพืชผักสวนครัวแล้วยังใช้เป็นไม้ประดับตกแต่งได้อีกด้วย .....ฟังดูก็ออกจะรู้สึกแปลกๆ ถ้าบอกว่าจะลุกขึ้นมาปลูกตำลึงรับประทานเองเป็นพืชผักสวนครัว เนื่องจากเราจะเคยชินกับการเห็นตำลึงขึ้นอยู่ข้างทาง และการซื้อตำลึงแบบกำ ๆ มาจากตลาดวึ่งราคาถูกมาก ดังนั้นการปลูกตำลึงไม่เคยอยู่ในความคิด  อย่างไรก็ตาม ตามเมืองใหญ่ ๆ โอกาสที่จะเห็นตำลึงขึ้นอยู่สองข้างทางนั้นน้อยมาก และตำลึงที่ขึ้นเองนั้นจะไม่ขาว อวบ สวย และน่าภูมใจในเลาเก็บมารับประทานเหมือนตำลึงที่ปลูกเอง รวมทั้งเรื่องที่ยังคิดไม่ถึงคือ เรื่องความสะอาดและวางใจได้เมื่อรับประทานเพราะเมื่อเก็บตำลึงที่ขึ้นเองรับประทานจะเลือกเก็ยที่ยอดขึ้นอยู่สูงๆ หน่อย เนื่องจากไม่ค่อยไว้ใจในเรื่องที่ว่าตำลึงนั้น ได้รับการรดน้ำปัสสาวะสุนัข หรือได้ปุ๋ยจากธรรมชาติจากสุนัขที่ผ่านไป-ผ่านมา หรือพวกขี้เมามายืนแอ่นหน้าแอ่นหลังฉี่
..... ตำลึงขยายพันธุ์ได้ 2 วิธีคือ การเพราะเมล็ดและปลูกด้วยเถา  ในการเพราะเมล็ดก็ทำได้เช่นเดียวกับการเพาะเมล็ดพืชทั่วๆไปซึ่งในครั้งแรกที่จะเริ่มปลูก คงต้องหาตำลึงข้างทาง ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นลูกตำลึงแก่สีแดงอยู่บนต้น  นำมาแกะออกจะเห็นเมล็ดอยู่ด้าใน นำมาเพาะเป็นต้นตำลึง แต่วิธีนี้ใช้เวลาในการปลูกนานกว่าวิธีปลูกด้วยเถาและคงต้องคอยเวลาให้ลูกตำลึงแก่จัด และคงต้องแย่งกันกับนกแถวๆนั้นด้วย เพราะลูกตำลึงเป็นอาหารโปรดของนกด้วยเช่นกัน  ส่วนการปลูกด้วยเถาเพียงแต่นำเถาตำลึงแก่มาตัดเป็นท่อนๆให้ยาวประมาณ 6-8 นิ้ว แล้วนำไปชำไว้ในกะบะเพาะชำ หรือนำไปปลูกได้เลย ถ้าจะให้ดีควรปลูกหน้าฝน ตำลึงจึงจะงอกได้รวดเร็วมากกว่าช่วงอื่นๆ ประมาณเดือนเดียวก็สามารถเก็บยอดตำลึงรับประทานได้ และก็จะเก็บได้ตลอดไป ยิ่งเก็บมากเท่าใดยอดใหท่ก็ยิ่งแตกออกมากจนเก็บไม่ทันเลยทีเดียว ..... ในส่วนของการบำรุงรักษาต้นตำลึง แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เนื่องจากโดยทั่วไปเรามักเห็นต้นตำลึงขึ้นเองอยู่ตามข้างทาง เนื่องจากโดยสภาพธรรมชาติแล้วเป็นพืชผักที่ค่อนข้างทนทาน และสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี เรียกว่าขึ้นง่ายตายยากอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากให้ตำลึงงอกงามดี ยอดอวบงาม และมีไว้ให้เก็บกินได้นานๆ ก็สมควรที่จะเอาใจใส่ดูแลบ้างโดยการรดน้ำ พรวนดิน และใส่ปุ๋ยคอกบ้างเท่านั้น
                                      แหล่งที่มาhttp://www.oknation.net

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น